side view woman waxing leg (Custom)
Bangkok Waxing Experts - Wax&Co

บิกินี่แว็กซ์ (Bikini Wax) คืออะไร? มีกี่แบบ ทำแล้วดีจริงไหม เจ็บหรือไม่?

Share on

บิกินี่แว็กซ์ (Bikini Wax) คือชื่อเรียกวิธีการหนึ่งในการใช้แว็กซ์หรือขี้ผึ้ง กำจัดขนที่บริเวณจุดซ่อนเร้นและบริเวณใกล้เคียง โดยวิธีการนี้เป็นที่นิยมของสาวๆ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและเพื่อรักษาสุขอนามัยของจุดซ่อนเร้น สำหรับผู้ที่ทำบิกินี่แว็กซ์เป็นครั้งแรกมักจะมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเจ็บ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ก็จะมีระดับความเจ็บที่แตกต่างกันไป และเพื่อให้เกิดเข้าใจ Wax&Co ร้านแว็กซ์สไตล์สปาในกรุงเทพ มาแนะนำผู้อ่านทำความรู้จักกับการทำบิกินี่แว็กซ์กัน

บิกินี่แว็กซ์ (Bikini Wax) คืออะไร?

Bikini Wax คือการใช้แว็กซ์หรือขี่ผึ้งในการกำจัดขนบริเวณอวัยวะเพศและบริเวณใกล้เคียงอวัยวะเพศ อาจเรียกได้ว่าเป็นแฟชั่นความงาม เพื่อเพิ่มความมั่นใจสำหรับการสวมใส่ชุดว่ายน้ำเพื่ออวดโฉมของคุณสุภาพสตรี และเพื่อรักษาสุขอนามัยของน้องสาวอีกด้วย

มารู้จักกับ V.I.O Line

ก่อนอื่นเลย มาทำความรู้จักกับ V.I.O Line กันดีกว่า เพื่อที่จะได้เข้าใจความแตกต่างของแว็กซ์แต่ละประเภทมากยิ่งขึ้น!

  • V line คือ บริเวณขนส่วนบิกินี่ด้านหน้าค่า จะเป็นการแว็กซ์ส่วนที่เลยขอบบิกินี่
  • I line คือ บริเวณขนส่วนที่บอบบางที่สุดของเรา หรือขนส่วนระหว่างขานั่นเอง
  • O line คือ บริเวณขนส่วนบั้นท้าย หรือ ขนบริเวณตูดค่า
V.I.O Line บิกินี่แว็กซ์ (Bikini Wax) คืออะไร? มีกี่แบบ ทำแล้วดีจริงไหม เจ็บหรือไม่?

บิกินี่แว็กซ์ (Bikini Wax) มีกี่แบบ?

บิกินี่แว็กซ์ (Bikini Wax) คืออะไร? มีกี่แบบ ทำแล้วดีจริงไหม เจ็บหรือไม่?

บิกินี่แว็กซ์ (Bikini Wax) หรือการแว็กซ์ขนบริเวณน้องสาวมีมีด้วยกันอยู่ 2 แบบ แบ่งตามลักษณะของเทคนิคการแว็กซ์ คือ แว็กซ์ร้อน (Hot Wax) กับ แว็กซ์เย็น (Strip Wax) ซึ่งมีความแตกต่างกันดังนี้

  • การแว็กซ์ร้อน (Hot Wax) : เป็นวิธีการนำมาใช้ในกระบวนการเอาขนออกบนผิวหนังที่นิยมสำหรับบริเวณบอบบางของร่างกาย เช่นการแว็กซ์บิกินี่ ซึ่งการแว็กซ์ร้อนจะมีความซับซ้อนมากกว่าการแว็กซ์เย็น เนื่องจากจะต้องน้ำเอาตัวแว็กซ์ไปอุ่นร้อนให้เนื้อแว็กซ์ละลาย เพื่อให้สามารถยึดติดกับผิวหนังได้มากที่สุด จึงทำให้การใช้แว็กซ์เย็นสามารถกำจัดขนได้ถึงรากมากกว่าแบบเย็นนั่นเอง
  • การแว็กซ์เย็น (Strip Wax) : เป็นการใช้แว็กซ์ที่มีส่วนประกอบหลักจากธรรมชาติม เช่นน้ำตาล น้ำ และน้ำผึ้ง เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเคยทำการแว็กซ์ขนเป็นครั้งแรกและมีผิวที่ค่อนข้างจะแพ้ง่าย ซึ่งแว็กซ์ตัวนี้สามารถทาลงไผยังบริเวณที่ต้องการกำจัดขนดได้เลย จากนั้นปล่อยให้เนื้อแว็กซ์แห้งแล้วจึงดึงออกให้ย้อนทิศทางแนวขน ด้วยความเร็วและแรง ซึ่งอาจจะต้องอาศัยความชำนาญเพราะหากทำผิดวิธีอาจทำให้ขนขาดออกจากรากได้
39

ประเภทของการทำบิกินี่แว็กซ์

เมื่อพูดถึงการทำบิกินี่แว็กซ์จริงๆ แล้วมีด้วยกัน 3 แบบ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. Bikini Line การแว็กซ์ขอบกางเกงชั้นใน

เป็นการแว็กซ์ขนแบบบิกินี่ไลน์แว็กซ์บริเวณที่ขนออกมาพ้นขอบกางเกงชั้นใน ตามทิศทางขึ้น-ลง ของเส้นขน การแว็กซ์แบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นแว็กซ์ขน แว็กซ์บริเวณขอบกางเกงชั้นในเข้ามาประมาณ 1 ไม้ปาดแว็กซ์ (1 Spatula)

2. Traditional Brazilian การแว็กซ์แบบดั้งเดิม

วิธีบราซิลเลี่ยนแว็กซ์นี้คลายกับการทำ Bikini Line การแว็กซ์ขอบกางเกงชั้นใน แต่จะแว็กซ์บริเวณขอบกางเกงชั้นในเข้ามาประมาณ 2 ไม้ปาดแว็กซ์ (2 Spatula) โดยวิธีนิยมกันมาก เนื่องจากเป็นการกำจัดขนให้เหลือเพียงเล็กน้อย ทำให้เกิดความมั่นใจเมื่อคุณสวมใส่บิกินี่

3. Full Monty/Hollywood การแว็กซ์ทั่วทุกบริเวณ

วิธีฮอลลีวูดแว็กซ์นี้ถือว่าเป็นวิธีเป็นการกำจัดขนทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นขนบริเวณส่วนหน้า บริเวณด้านล่าง และบริเวณด้านหลัง แทบพูดได้ว่าเป็นการกำจัดขนที่ไม่ให้เหลือแม้เพียงเส้นเดียว ทำให้มีความเกลี้ยงเกลา ทำให้เกิดความมั่นใจและสามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจด

รูปแบบของการทำบิกินี่แว็กซ์ (Bikini Playboy Design Waxing)

Bikini playboy design waxing 1

การทำ Bikini Playboy Design Waxing ถือเป็นการแว็กซ์ที่สาวๆหลายๆคนสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการแว็กซ์ที่เน้นเรื่องของแฟร์ชั่น ซึ่งมีรูปทรงหลายแบบให้คุณเลือก เรามาดูกันว่าบิกินี่แว็กซ์สามารถทำเป็นรูปแบบใดได้บ้าง มาดูกันเลย

  1. Triangle – การแว็กซ์รูปสามเหลี่ยม
  2. Rectangle – การแว็กซ์รูปสี่เหลี่ยม
  3. Pencil Line – การแว็กซ์รูปเส้นตรงเล็ก
  4. Heart – การแว็กซ์รูปหัวใจ

ระดับความเจ็บในการทำบิกินี่แว็กซ์

เมื่อคุณคิดจะทำบิกินี่แว็กซ์ สิ่งหนึ่งนอกจากความสวยงาม ความสะอาด และสุขอนามัยที่ดีแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องแลกมาด้วยสิ่งเหล่านี้ คือความเจ็บปวดที่หลีกเลี้ยงไม่ได้ ซึ่งประเภทของการทำบิกินี่แว็กซ์ ทั้ง 3 แบบนั้น ก็เรียงลำดับกันไปโดยเริ่มจากเจ็บน้อยที่สุดคือ Bikini Line เป็นการแว็กซ์กำจัดขนขอบกางเกงชั้นในเล็กน้อยเพียงเท่านั้น ถัดจากนี้ไปคือ Traditional Brazilian เป็นการแว็กซ์แบบดั้งเดิม ที่เพิ่มพื้นที่ในการแว็กซ์มาขึ้นทำให้ขนเหลือเพียงเล็กน้อย และการแว็กซ์ที่เจ็บปวดที่สุดคือ Full Monty/Hollywood เป็นการแว็กซ์ทั่วทุกบริเวณที่มีขนทำให้ระดับความเจ็บถือว่าโหดเลยทีเดียว

บิกินี่แว็กซ์ทำแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน?

แน่นอนว่าเมื่อคุณตัดสินใจทำบิกินี่แว็กซ์แล้ว สิ่งหนึ่งที่ท่านต้องทราบคือการแว็กซ์คือการใช้แว็กซ์หรือขี้ผึ้ง ในการถอนขนภายในคราวเดียวโดยไม่ต้องทนเจ็บกับการถอนแบบทีละเส้น แต่สิ่งที่ท่านทราบดีว่ายอมมีการงอกของขนขึ้นใหม่ โดยบริเวณที่มีการแว็กซ์จะมีขนขึ้นใหม่ ทุกๆ 1-2 เดือน

ความเสี่ยงของการทำบิกินี่แว็กซ์

นอกจากประโยชน์จากการทำบิกินี่แว็กซ์แล้ว ก็มีข้อควรระวังเนื่องมากจากผลของการทำเราลองมาดูกันว่า

ทำให้เกิดแผลเล็กๆ ที่มองไม่เห็น

การทำบิกินี่แว็กซ์อย่างที่ทราบกันดีว่า เป็นการกำจัดขนแบบถอนรากถอนโคน เป็นวิธีการดึงเส้นขนออกจากรูขุมขน ทำให้เกิดการฉีกขาดของเนื้อเยื้อบริเวณปากรูขุมขนทำให้เกิดการอักเสบของรูขุมขน มิหนำซ้ำยังทำให้ผิวหนังบริเวณชั้นนอกหลุดลอกออกมากับแว็กซ์หรือขี้ผึ้ง ทำให้เกิดแผลเล็กๆบริเวณผิวหนัง เมื่อแว็กซ์บ่อยครั้งอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้

เกิดการติดเชื้อ

เมื่อเกิดแผลบริเวณรูขุมขน และแผลจากการหลุดลอกของผิวหนังชั้นนอกจากการแว็กซ์ ซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบบริเวณดังกล่าวแล้ว ยังทำให้เกิดการติดเชื้อเนื่องจากบริเวณนั้นมีเชื้อแบคทีเรียเป็นจำนวนมาก เมื่อเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่บาดแผล จะยิ่งทำให้เกิดอาการอักเสบอย่างรุนแรง และเรื้อรังอีกด้วย

person having skin allergy close up
ภาพ : ขนคุด

ขนคุด

การทำบิกินี่แว็กซ์บ่อยครั้งจนเกินไป จะทำให้เกิดการอักเสบของรูขุมขนและผิวหนัง จากนั้นร่างกายจะทำการซ่อมแซมบาดแผล โดยการทำทำให้เกิดการงอกของเซลล์ผิวใหม่ เป็นสาเหตุทำให้รูขุมขนอุดตัน จนขนที่งอกขึ้นใหม่ ไม่สามารถเหนือผิวหนังได้ ทำให้ขนงอกย้อนกลับลงไปใต้ผิวหนัง จนกลายเป็นขนคุดในที่สุด

อ่านเพิ่มเติม: ขนคุด (Keratosis Pilaris) เกิดจากอะไร? รักษาอย่างไรให้ผิวเรียบเนียน

บิกินี่แว็กซ์สามารถทำเองที่บ้านได้ไหม?

การทำบิกินี่แว็กซ์ด้วยตัวเองนั้นสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพียงแค่คุณหาซื้อชุดอุปกรณ์ที่ห้างสรรพสินค้า หรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามทั่วไป หรือหากคุณรู้สึกไม่สะดวกหรือคิดว่าการเตรียมอุปกรณ์การแว็กซ์ที่ยุ่งยาก ต้องการความสะดวกรวดเร็ว ซึ่งในปัจจุบันก็จะมีแผนแว็กซ์สำเร็จรูป

แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับผู้แว็กซ์เองครั้งแรกต้องทราบคือการศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่คุณนำมาแว็กซ์ ในส่วนของวิธีการแว็กซ์ เนื่องจากบางครั้งผู้ที่แว็กซ์ครั้งมักจะไม่รู้ว่าต้องดึงอย่างไร น้ำหนักในการดึงมากน้อยเพียงใด อาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดรุนแรง จนเกิดเลือดออก และการอักเสบ บริเวณผิวที่บอบบาง และที่สำคัญที่ผู้แว็กซ์เองครั้งแรกควรทราบคือสารเคมีที่เป็นส่วนผสมของแว็กซ์ เพราะผลิตภัณฑ์บางยี่ห้อ อาจมีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารบางชนิดที่ทำให้เกิดอาการแพ้ จึงควรศึกษาก่อนการแว็กซ์

การเตรียมตัวก่อนทำการแว็กซ์ (Waxing)

เมื่อคุณรู้จักกับความหมายและตัดสินใจที่จะทำบิกินี่แว็กซ์แล้ว เราลองมาดูกันว่าคุณจะต้องเตรียมตัวอย่างไร ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

  • ทำการสำรวจก่อนว่าคุณมีขนคุดหรือไม่? หากมีควรสครับผิวก่อนทำ 48 ชั่วโมง
  • ควรหลีกเลี่ยงการตัดหรือโกนก่อนทำการแว็กซ์ 4-6 สัปดาห์
  • ไม่ควรทำการแว็กซ์ขณะที่ผิวบอบบางเป็นพิเศษในช่วงประจำเดือนมา แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้คุณใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแว็กซ์ เนื่องจากหลังการมีเพศสัมพันธ์ อวัยวะเพศจะมีการอาการบวมแดง อาจทำให้ยิ่งเพิ่มอัตราการเจ็บและอักเสบอย่างรุนแรง
  • ไม่ควรทำการแว็กซ์หลังจากการผ่าตัดอย่างน้อย 6-12 เดือน เนื่องจากแผลที่ยังไม่สมานดี
  • ควรรับประทานยาแก้ปวดก่อนแว็กซ์ เพราะหลังจากที่ทำเสร็จผิวบริเวณนั้นจะมีการอักเสบ
  • การรับประทานยาแก้ปวดจะทำให้ลดอาการอักเสบและอาการปวดได้

ขั้นตอนการแว็กซ์ (Waxing)

แม้ว่าร้านแว็กซ์ขน (Wax Studio) ทุกแห่งจะมีขั้นตอนของตัวเอง แต่สถานที่ส่วนใหญ่จะทำตามขั้นตอน ดังนี้

  1. เตรียมผิวบริเวณที่จะแว็กซ์ : สิ่งสำคัญคือความยาวของเส้นขน ควรมีความยาวไม่น้อยกว่า 0.64 เซนติเมตร และไม่ควรเกิน 1.3 เซนติเมตร เพราะหากสั้นจนเกินไปแว็กซ์จะไม่สามารถเกาะติดเส้นขนได้ ควรไว้ขนต่อ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ และหากยาวจนเกินไปจะทำให้แว็กซ์เกาะติดเส้นขนมากเกินไปจนทำให้คุณรู้สึกเจ็บ ควรใช้เครื่องตัดแต่งขนเล็มออก
  2. ล้างทำความสะอาดและขัดผิว : ใช้สบู่ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวทำความสะอาดผิวและขนบริเวณจุดซ่อนเร้น เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ และลดความมันที่ติดบนเส้นขนทำให้แว็กซ์และขนติดกันได้ดี
  3. ปาดแว็กซ์บริเวณที่ต้องการ : ใช้ไม้พายตักแว็กซ์ขึ้นมาและปาดเบาๆ ลงไปตรงบริเวณที่ต้องการแว็กซ์ โดยให้แว็กซ์มีความหนาเท่าๆ กับความหนาของเหรียญ โดยปาดแว็กซ์ไปตามแนวเส้นขนจะช่วยลดอาการเจ็บพยายามปาดแว็กซ์ให้เกินออกจากขอบของเส้นขนเล็กน้อยเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับใช้มือจับเมื่อถึงเวลา ซึ่งคุณสามารถเริ่มต้นแว็กซ์ขนตรงบริเวณใดก่อนก็ได้ จากนั้นจึงค่อยๆ ไล่แว็กซ์ขนไปเรื่อยๆ ทีละจุด ปล่อยทิ้งไว้เพื่อให้แว็กซ์แข็งตัวขึ้น
  4. ดึงแว็กซ์ออก : เมื่อแว็กซ์แข็งตัวอย่างสมบูรณ์ ให้คุณใช้มือข้างหนึ่งดึงผิวบริเวณใกล้เคียงกับขอบของแว็กซ์ที่ดึงให้ตึก ใช้มืออีกข้างจับบริเวณขอบแว็กซ์ที่จะดึง จากนั้นให้คุณหายใจเข้าลึกๆ และดึงออกอย่างรวดเร็ว โดยให้ดึงย้อนแนวเส้นขนขน หลังจากนั้นจึงค่อยๆปาดแว็กซ์เพื่อกำจัดขนในบริเวณอื่นๆต่อไป
  5. กำจัดขนที่ตกค้าง ทำความสะอาดพร้อมกับการบำรุงผิว : แน่นอนว่าหลังจากที่แว็กซ์ขนแล้ว ยังคงมีเส้นขนที่ตกค้างจากการแว็กซ์ ให้คุณนำแหนบชุปแอลกอฮอล์ เพื่อฆ่าเชื้อโรค จากนั้นใช้แหนบดึงเส้นขนที่ตกค้างจนเกลี้ยงเกลา หลังจากนั้นใช้น้ำสะอาดล้างเศษแว็กซ์ที่ติดอยู่ แล้วเช็ดให้แห้งทาด้วยเจลว่านหางจระเข้ตรงบริเวณที่เพิ่งแว็กซ์เสร็จ จะช่วยบรรเทาการละคายเคืองและลดอาการอักเสบลงได้

การดูแลตัวเองหลังทำบิกินี่แว็กซ์

  1. ไม่ควรออกกำลังกายในทันทีหลังทำบิกินี่แว็กซ์ : หลังการทำบิกินี่แว็กซ์ผิวบริเวณนั้นจะมีความบอบบางเป็นพิเศษ หากคุณออกกำลังกายผิวบริเวณนั้นจะเกิดการเสียดสีและมีเหงื่อออกมากเป็นพิเศษ ทำให้ผิวเกิดการระคายเคียง ส่งผลให้เกิดอาการอักเสบมากกว่าเดิม จึงควรงดออกกำลังกาย 2-3 วัน หลังการทำบิกินี่แว็กซ์
  2. ไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่รัดรูป : การใส่เสื้อผ้าที่รัดรูปหลังการทำบิกินี่แว็กซ์ จะทำให้เนื้อผ้าแนบสนิทกับผิวหนังบริเวณนั้น จนเกิดการเสียดสีและอับชื้น ส่งผลให้เกิดการอักเสบมากขึ้น คุณจึงควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายและไม่รัดรูปจนเกินไป
  3. ไม่ควรอาบน้ำร้อน ลงสระว่ายน้ำ และลงน้ำทะเลในทันที : การอาบน้ำร้อน การลงสระว่ายน้ำ และการลงเล่นน้ำทะเล ทันที่หลังการทำบิกินี่แว็กซ์เสร็จ เป็นการกระตุ้นให้ผิวเกิดการอักเสพได้ดี เนื่องจากการอาบน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูง การลงสระว่ายน้ำที่มีคลอลีนผสม รวมถึงน้ำทะเลที่มีความเค็มของเกลือสูง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสพ ดังนั้นควรงดกิจกรรมดังกล่าว 2-3 วัน เพื่อพักผิวบริเวณจุดซ้อนเร้น
  4. สครับผิวหลังจากแว็กซ์ 2-3 วัน : หลังจากการทำบิกินี่แว็กซ์ผ่านไป 2-3 วัน สิ่งที่ควรทำคือการสครับผิว เพราะการสครับผิว เป็นการขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว มีลักษณะดำคล่ำออก เพื่อช่วยให้สีผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นเกิดความกระจ่างและสม่ำเสมอกัน และยังช่วยป้องกันและลดปัญหาจากการเกิดขาคุดอีกด้วย

ทางเลือกอื่นๆ นอกจากการทำการแว็กซ์

นอกจากวิธีการทำบิกินี่แว็กซ์แล้ว เราลองมาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะกำจัดขนของน้องสาวได้ และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร มาดูกันเลย

Angry displeased lady holding razor isolated

1. การโกนขน

วิธีนี้เป็นวิธียอดฮิตของใครหลายๆคน เพราะเป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็วและประหยัดงบประมาณ อีกทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ก็แสนจะไม่ยุงยาก

  • ข้อดี : รวดเร็ว ประหยัดเวลา ประหยัดงบประมาณ
  • ข้อเสีย : เกิดการบาดเจ็บบริเวณผิวหนังได้ง่าย เสี่ยงต่อการถูกมีดโกนบาดและเกิดการติดเชื้อ ขนที่ขึ้นมาใหม่จะแข็งจนทิ่มแทงผิวหนังจนเกิดอาการเจ็บและคัน จนอยากเกาจนเสียบุคลิกภาพที่ดี
Beauty portrait of attractive candid dark haired woman looking a

2. การถอนขน

วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีคลาสสิก อุปกรณ์จะมีเพียงแค่แหนบ ถือว่าเป็นวิธีที่ประหยัดอีกวิธีหนึ่ง

  • ข้อดี : อุปกรณ์มีเพียงแหนบ
  • ข้อเสีย : เป็นวิธีที่ทำให้เจ็บปวดและทรมานเนื่องจากการถอนต้องถอนขนทีละเส้น และกินระยะเวลายาวนาน หลังการถอนจะมีจุดแดงๆเกิดขึ้น อันเนื่องมาจากรูขุมขนฉีกขาด และอักเสบ ทำให้มีเลือดออกจากการถอนที่ผิดทิศทาง เกิดเป็นผิวหนังไก่ ทำให้เกิดขนคุดและฝีขึ้นได้

3. การใช้ครีมกำจัดขน

ปัจจุบันมีอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยทำให้สาวๆไม่ทรมานจากการโกนและการถอน อีกทั้งใช้งบประมาณเพียงเล็กน้อย นั้นคือการย่อยสลายเส้นขนโดยใช้สารไทโอไกลโคเลต (Thioglycolate) ที่มาในรูปแบบของครีมกำจัดขนที่จำหน่ายทั่วไปในท้องตลาด

  • ข้อดี : ไม่ทำให้การกำจัดขนเจ็บปวดและทรมาน ใช้เวลาไม่นาน
  • ข้อเสีย : เนื่องจากเป็นการใช้สารเคมี ทำให้ผู้ใช้เกิดการระคายเคืองผิว เจ็บ แสบ และคัน หลังจากการทำจะทำให้ผิวมีสีคล้ำ อีกทั้งไม่สามารถทำลายการสร้างขนได้ ทำให้ขนขึ้นใหม่ภายใน 2 สัปดาห์
Laser epilation, hair removal therapy

4. เลเซอร์บิกินี่

ในปัจจุบันการการใช้เทคโนโลยีและนวัฒกรรมอย่างการทำเลเซอร์ขนบิกินี่เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในบรรดาสาวๆ ถือเป็นวิธีที่ไม่ทำให้เจ็บปวด เนื่องจากมี Dynamic Cooling Device ซึ่งทำหน้าที่ปล่อยก๊าซเย็นออกมา พร้อมๆ กับการทำเลเซอร์ โดยใช้ความยาวของลำแสง 1,064 นาโนเมตร ยิงเขาไปทำลายรากขนด้วยนวัตกรรม Long Pulse ND YAG ที่มีความปลอดภัยสูง ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อผิวที่บริเวณจุดซ้อนเร้น โดยสามารถใช้บริการได้ที่กังนัมคลินิก เพียงแค่ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น

  • ข้อดี : ไม่เสียเวลากำจัดขนอีกต่อไป ประหยัดงบประมาณเมื่อเทียบกับวิธีการอื่นที่ต้องกำจัดขนหลายๆ ครั้ง ไม่ก่อให้เกิดการติดเชื้อ ผิวหนังไก่ ทำให้ผิวสวยเรียบเนียน และขนไม่ขึ้นอย่างถาวร
  • ข้อเสีย : ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และอาจต้องมีการทำซ้ำ 5-8 ครั้ง ขนจึงจะหายไปอย่างถาวร

สรุป

สุดท้ายนี้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้สาวๆหลายๆคน หันมาดูแลจุดซ่อนเร้นของคุณ เพื่อความมั่นใจและสุขอนามัยที่ดี เพื่อพร้อมที่จะอวดโฉมเรือนร่างพร้อมกับบิกินี่ตัวโปรด ในวันหยุด ท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม ทะเล สายลม กับหนุ่มๆคนโปรดของคุณ

ติดต่อเรา Wax & Co ร้านแว็กซ์สไตล์สปา ได้ที่นี่

จองคิวนัดหมาย แว็กซ์ (Wax) หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางช่องทางด้านล่างนี้เลย! หรือจะเดินทางไปที่สาขาเลยก็ได้ ใกล้สาขาไหนไปใช้บริการสาขานั้นได้เลย อย่าปล่อยให้เรื่องของขน ต้องทำให้เราหมดความมั่นใจ

แท็กที่เกี่ยวข้อง

Author picture

สุรีรัตน์ ธรรมาวิริยะสิริ หรือคุณสุเป็นผู้ประกอบการและผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมความงามที่มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปี ซึ่งมีแพสชัน คือ ชอบดูแลตัวเอง จึงมีโอกาสไปใช้บริการแว็กซ์ขน ทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่บ่อย ๆจนกลายเป็นที่มาของการเริ่มต้นธุรกิจแว็กซ์ขนเล็ก ๆ ในคอนโดฯ ส่วนตัว จากนั้น คุณสุจึงตั้งใจสร้าง Wax&Co ขึ้นมาให้หน้าร้านดูผ่อนคลายเหมือนมาสปาไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง, เพลง ไปจนถึงกลิ่น เพื่อให้ลูกค้าคลายความกังวลทุกครั้งที่มารับบริการด้วยความทุ่มเทในรายละเอียดและความพึงพอใจของลูกค้า และทำให้ Wax&Co แตกต่างและเติบโตอย่างแข็งแรงตลอดหลายปีที่ผ่านมา

Author picture

สุรีรัตน์ ธรรมาวิริยะสิริ หรือคุณสุเป็นผู้ประกอบการและผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมความงามที่มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปี ซึ่งมีแพสชัน คือ ชอบดูแลตัวเอง จึงมีโอกาสไปใช้บริการแว็กซ์ขน ทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่บ่อย ๆจนกลายเป็นที่มาของการเริ่มต้นธุรกิจแว็กซ์ขนเล็ก ๆ ในคอนโดฯ ส่วนตัว จากนั้น คุณสุจึงตั้งใจสร้าง Wax&Co ขึ้นมาให้หน้าร้านดูผ่อนคลายเหมือนมาสปาไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง, เพลง ไปจนถึงกลิ่น เพื่อให้ลูกค้าคลายความกังวลทุกครั้งที่มารับบริการด้วยความทุ่มเทในรายละเอียดและความพึงพอใจของลูกค้า และทำให้ Wax&Co แตกต่างและเติบโตอย่างแข็งแรงตลอดหลายปีที่ผ่านมา